ผมตกหลุมรัก “มูลค่าของเงินตามเวลา” หรือ “Time Value of Money”
ตั้งแต่ตอนเรียนวิศวะ ชั้นปี 3 ในวิชา “เศรษฐศาสตร์วิศวกรรม”
สำหรับผมมันคือวิชา “เปลี่ยนชีวิต”
ผมได้เอามาใช้ประโยชน์อย่างมากที่สุดแบบที่ประเมินมูลค่าไม่ได้
ระหว่างที่เพื่อนๆ เรียนกัน ตามหนังสือและตามที่อาจารย์สอน
ผมเริ่มวางแผนการเงินแบบ “มวยวัด” ให้กับตัวเองอยู่อย่าง “ดำดิ่ง”
เหมือนตัดขาดจากโลกภายนอก เข้าไปอยู่ใน Inception
บร๊ะเจ้า… ชีวิตมันช่างมีความหวังเหลือเกิน!
ผมได้คำตอบว่า “คนธรรมดาจะรวยได้ทุกคน”
ถ้าหา”ปืนต่อต้านอากาศยาน” ที่กระบอกใหญ่พอได้
ปืน = ปี
คือมีเวลาให้เงินทำงานมากพอ
สำหรับผมที่เพิ่งอายุแถว 20 ผมมีเวลามากกว่าใครเพื่อน
ต่อต้าน = ต้น
คือมีเงินต้น หรือเงินออมใส่ลงไปมากพอ
อันนี้ยิ้มไม่ออก เพราะเงินเก็บมีน้อยนิด ซักพักก็เสียให้ Gadget ใหม่
นั่นทำให้ผมเริ่มหารายได้เพิ่ม เริ่มสอนพิเศษ เป็นพนักงานแจกใบปลิว
ไปสมัครทำงานเซเว่น (เสียดาย… เซเว่นไม่รับ T-T)
อากาศยาน = อัตราดอกเบี้ย
คือต้องหาแหล่งลงทุนที่ให้ผลตอบแทนมากพอ
สำหรับผมตอนนั้นที่แม้เงินฝากประจำยังไม่รู้จัก มันช่าง “มืดบอด”
และแล้วฟ้าก็ส่งป้ายบิลบอร์ด “ให้เงินทำงานผ่านกองทุนรวม” มาให้ผมเจอ
นั่นทำให้ผมได้เริ่มรู้จักการลงทุนอย่างแท้จริง
10 ปีที่ผ่านมา ผมควง “ปืนต่อต้านอากาศยานคู่ใจ” ห้ำหั่นกับศัตรูต่างๆ
ที่เข้ามาในรูปของ Gadget สุด Cool และ Smart Phone รุ่นใหม่สุดเท่ห์
โชคดีที่ผมไม่สูบ ไม่เที่ยว ไม่ดื่ม ทำให้เงินส่วนนั้น
กลายเป็นกระสุนให้ผม มีวันนี้ได้
ที่เล่ามาทั้งหมดนั้น ยังไม่เข้าเรื่อง infographic นี้เลย… แป่ว!
จริงๆ รูปนี้อ่านง่ายๆ ครับ ผมไม่ต้องอธิบายก็ได้
สิ่งที่ต้องการจะสื่อก็คือ
ถ้าเราซื้อมือถือรุ่นใหม่ซักเครื่องนึงซึ่งราคาแถวๆ 24,000 บาท
(ถ้าเก็บเงินซื้อก็ตกประมาณ 2,000 บาท/เดือน ใช้เวลา 12 เดือน)
เราก็จะได้มือถือมาใช้ ได้ความสุขแบบ “ทันทีทันใด”
แต่ถ้าเรานำเงินจำนวนเท่ากันไปลงทุนได้ผลตอบแทน 12% ต่อปี
ซึ่งเป็นสถิติผลตอบแทนระยะยาวของตลาดหุ้นไทย
(ศึกษาเพิ่มที่ http://www.a-academy.net/finance/personal-finance/07-stock-index)
20 ปีผ่านไป มือถือเครื่องนั้นจะโตเป็นเงิน 230,000 บาท (โตเกือบ 10 เท่า)
25 ปีผ่านไป จะโตเป็น 408,000 บาท (โต 17 เท่า)
30 ปีผ่านไป จะโตเป็น 719,000 บาท (โต 30 เท่า)
35 ปีผ่านไป จะโตเป็น 1,260,000 บาท (โต 52 เท่า)
ไม่รู้ทุกท่านเห็นตัวเลขนี้แล้วจะรู้สึกเหมือนกับที่ผมรู้สึกเมื่อตอนปี 3 มั๊ย ?
ตอนนั้นผมคิดในใจว่า “ตรูต้องคิดอะไรผิดซักอย่างแน่ๆ” ทำไมมันโตเยอะแบบนี้
แต่พอเช็คใหม่ ก็พบว่า เฮ้ย… เราไม่ได้คิดผิด… แต่มูลค่าของเงินตามเวลามันเป็นเช่นนั้นจริงๆ
ถึงจุดนี้ ถ้าท่านไม่คิดอะไรต่อ… นี่ก็จะเป็น 1 ในหลายพัน infographic
ที่ผ่านตาท่านแล้วไม่เกิดประโยชน์อะไร นอกจากความคิดแว๊บๆ ว่า
“เจ๋งดี”
แล้วท่านก็กลับไปดำเนินชีวิต “แบบเดิม” ต่อตามปกติ
แต่ผมหวังว่าท่านจะรู้สึก “เอ๊ะ” แล้วถามตัวเองว่า
“ท่านจะทำอะไรกับมันได้ต่อไป ?”
มันเปลี่ยนชีวิต “ไอ้เอ” มาแล้ว มันจะเปลี่ยนชีวิตท่านได้รึเปล่า
ถ้าชักจะสนใจแล้วว่า “มูลค่าของเงินตามเวลา”
จะเปลี่ยนชีวิตท่านได้ยังไง
ผมอยากให้ท่านดูซีรี่ย์ “วางแผนการลงทุน” ให้ครบทุกตอนครับ
http://www.a-academy.net/personal-finance/s06-investment-planning
และอย่าเพิ่งร้องโอดโอย
ที่ผมดูเหมือนห้ามไม่ให้ท่านซื้อมือถือใหม่นะครับ
เพราะผมเองก็อยากได้อยู่เหมือนกัน!
แต่ผมอยากให้คิดว่า
ถ้าท่านเก็บเงินซื้อมือถือได้
แล้วทำไมจะเก็บเงินซื้ออนาคตที่ดีไปพร้อมๆ กันไม่ได้ ?
บางอย่างไม่ต้องเลือกหรอกครับ ว่าจะเอาสุขเดี๋ยวนี้ หรือ สุขวันหน้า
ถ้าตั้งใจจริง เราสามารถเลือกทั้งคู่ได้เลย
อยู่ที่เราตั้งใจจริงรึเปล่า ?
โพสครั้งแรกใน A-Academy FB Page เมื่อวันที่ 4 ก.ค. 57
[…] มูลค่าของเงินตามเวลา VS คุณค่าของมือ…เงินน้อยๆ ลงทุนด้วยวิธีการที่ถูกต้อง ช่วยสร้างความมั่นคงให้เราได้ยังไง […]
ขอบคุณสำหรับบทความดีๆ ที่ให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องการเงินที่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยสนใจ ผมคนนึงที่หลงไหลเรื่องการเงิน เพราะเพราะไม่อยากทำงานเพื่อมันไปตลอดชีวิต ไม่ว่าจะเกิด แก่ เจ็บ ตาย ก็หนีไม่พ้นเรื่องเงิน !
ดูซีรีย์ก็จบไปแล้ว กลับมาอ่านบทความอีกรอบก็ยังอึ้งได้อีกรอบกับจำนวนเงินที่มันโตได้ขนาดนี้ ตอนนี้จะซื้ออะไรจะคิดเสมอว่ามันจำเป็นมั้ยแล้วเงินที่จ่ายจะโตเป็นเท่าไรในอนาคต ก็ช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นมากเลยค่ะ