กองทุนหุ้นบางกองที่เปิดมานานแล้ว และมูลค่าหน่วยลงทุน (NAV) ก็ “แพง” แล้ว
เราจะมีวิธีวิเคราะห์ไหมว่าอีก 20-30 ปี มันจะเติบโตไปอีกเท่าไร ?
คำตอบ
คำถามเรื่อง NAV แพงนี้ เป็นคำถามยอดฮิตอีกคำถามหนึ่ง
อยากให้ลองศึกษาวิดีโอตอนนี้ แล้วจะพอเข้าใจมากขึ้นครับ
ว่า NAV “สูงหรือต่ำ” นั้น อาจไม่เกี่ยวกับความ “ถูกหรือแพง” ของกองทุนเลย
http://www.a-academy.net/finance/personal-finance/02-nav/
แต่ถ้าให้ตอบเร็วๆ ตรงนี้ ผมอยากให้เข้าใจแบบนี้ครับ
1. ราคา NAV ทำหน้าที่เปรียบเสมือนดัชนีราคาว่ากองทุนต่างๆ มีการสะสมกำไร/ขาดทุนไว้เท่าใด
2. ราคา NAV จะเปลี่ยนแปลงได้ เมื่อราคาสินทรัพย์ที่กองทุนลงทุนเปลี่ยนแปลง
เช่นสำหรับกองทุนหุ้น ถ้าหุ้นที่ลงทุนส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้น
NAV ก็จะปรับตัวขึ้น ถ้าส่วนใหญ่ปรับลง NAV ก็จะปรับลงตาม
3. ปกติราคา NAV มักเริ่มต้นที่ 10.00 บาทเมื่อจัดตั้งกองทุน
ต่อมาเมื่อกองทุนสามารถทำกำไรได้เพิ่มขึ้น ราคา NAV ก็จะค่อยๆ ปรับตัวขึ้น
เป็น 11, 12, 13, … ไปจนถึงเป็น 100 บาทก็มี ก็อยู่ที่ว่า มีกำไรหรือไม่ และจัดตั้งกองมานานแล้วเท่าใด
4. ในทางกลับกัน หากกองทุนลงทุนมีผลขาดทุน
NAV ก็อาจปรับลงจาก 10 เป็น 9, 8, 7 และต่ำกว่านั้นได้ กองต่ำๆ ในบ้านเรา 3 บาทกว่าก็มีครับ
5. การจ่ายเงินปันผลของกองทุน ก็เป็นอีกเหตุผลที่ทำให้ NAV ปรับลง
เพราะเป็นการคืนกำไรที่สะสมไว้ในกองทุนออกมาให้กับผู้ถือหน่วย
บางกองผลตอบแทนดี แต่ NAV ไม่ไปไหน เพราะมีการจ่ายปันผลออกมาเป็นระยะๆ ทุกๆ ปีครับ
6. การปรับขึ้นปรับลงนั้น จะปรับกันเป็น %
สมมติว่ามีกองทุน 3 กอง ลงทุนในหุ้นคล้ายกัน แล้วหุ้นที่ลงทุนโดยรวมปรับขึ้น 1%
กองที่หนึ่ง NAV 100 บาท
NAV จะปรับขึ้นด้วยประมาณ 1% คือ + 1 บาท
กองที่สอง NAV 5 บาท
NAV จะปรับขึ้นด้วยประมาณ 1% คือ + 0.05 บาท
จากตัวอย่างนี้ กองที่หนึ่งกำไรมากที่สุดใช่หรือไม่ ?
คำตอบคือไม่ใช่ เพราะจริงๆ แล้วมันก็ขึ้น 1% เท่าๆ กัน
ลงทุนไว้ 10,000 บาท ในทั้งสองกองนี้ จะได้กำไรเท่ากันคือ 1% ของ 10,000 บาท = 100 บาท
ทั้งนี้ก็เพราะแม้กองที่หนึ่ง จะกำไรถึง +1 บาท/หน่วย
แต่ตอนเราเอาเงิน 10,000 ไปซื้อ เราจะได้จำนวนหน่วยแค่ 10,000 / 100 = 100 หน่วย
ส่วนกองที่สอง แม้จะกำไรเพียง 0.05 บาท/หน่วย
แต่ถ้าเราเอาเงิน 10,000 ไปซื้อ จะได้จำนวนหน่วยถึง 10,000 / 5 = 2,000 หน่วย
7. NAV นั้นจึงใช้เปรียบเทียบไม่ได้ว่ากองไหนถูกหรือแพง
เพราะเป็นเพียงมาตรวัดการสะสมกำไรมาในอดีต คนที่ซื้อมา 10 บาท ตอนนี้ 100 บาท เค้าก็ได้กำไรไปแล้ว
แต่ถ้าเราเพิ่งไปซื้อวันนี้ เราก็จะมีต้นทุน 100 บาท ก็ต้องดูว่ากองทุนจะเติบโตไปถึงกี่บาท
8. การจะดูว่ากองทุนไหนดีไม่ดี จึงต้องดูว่า กองทุนจะโตไปอีกเท่าไร
ซึ่งก็ต้องมาดู “ฝีมือ” การบริหารของแต่ละกอง
สมมติว่ากองที่หนึ่งฝีมือดี สามารถบริหารจนได้กำไรมาอีก 20%
NAV จาก 100 ก็จะ +20% กลายเป็น 120 บาท
หรือลงทุนไว้ 10,000 กำไร 2,000 บาท
ส่วนกองที่สอง (ซึ่ง NAV ต่ำมาก) ในปีเดียวกันนั้น หากมีผลกำไรเพียง 10%
NAV จาก 5 บาทก็จะ +10% กลายเป็นเพียง 5.50 บาท
หรือลงทุนไว้ 10,000 กำไร 1,000 บาท
กรณีอย่างนี้ จะเห็นว่า ซื้อกอง NAV สูงกว่ากลับได้กำไรมากกว่า
แต่ในความเป็นจริง กอง NAV ต่ำอาจทำกำไรได้ดีกว่าก็ได้
NAV จึงไม่ใช่ปัจจัยพิจารณาว่ากองไหนดีกว่ากองไหนครับ
9. และจะเลือกกองทุนหุ้นอย่างไร ขอให้ศึกษาวิดีโอเรื่องการเลือกกองทุนใน Series นี้ครับ
http://www.a-academy.net/personal-finance/s08-mutual-fund/
มีสอนวิธีเลือกกองทุนรวมทุกประเภท
และลองสังเกตดูนะครับ ไม่มีวิธีไหนเลย ที่ใช้ NAV มาเป็นปัจจัยในการเลือกครับ
10. วิธีวิเคราะห์ว่าอีก 20-30 ปี NAV จะเติบโตเป็นเท่าไร ก็ต้องไปทำความเข้าใจเรื่องสินทรัพย์ครับ
ว่าสินทรัพย์ที่กองลงทุน โดยทั่วไปมีอัตราการเติบโตระยะยาวเท่าไร
ศึกษาได้ที่นี่ครับ
http://www.a-academy.net/personal-finance/s07-investment-assets/
ยกตัวอย่างเช่นหุ้นไทย มีอัตราการเติบโตระยะยาวๆ ประมาณ 12%
สมมติว่าเราเชื่อว่ากองที่เราลงทุน จะโตได้ 12% ต่อปี เท่าๆ กับตลาดหุ้น
เราก็สามารถประมาณได้ครับว่าอีก 20-30 ปี NAV จะโตเป็นเท่าไร
เช่น ถ้าตอนนี้ NAV 20.000 บาท
ปีที่ 1 +12% ก็จะโตเป็น 22.4000 บาท
ปีที่ 2 +12% ก็จะโตเป็น 25.0880 บาท
ปีที่ 3 +12% ก็จะโตเป็น 28.0986 บาท
ทำแบบนี้ ทบต้นไปเรื่อยๆ
ปีที่ 20 ก็จะโตเป็น 192.9259 บาท
ปีที่ 30 ก็จะโตเป็น 599.1984 บาท ครับ
อ้อ… ในการประมาณนี้เราสมมติว่า ได้ผลตอบแทนเฉลี่ยๆ เท่ากันทุกปีที่ 12% ต่อปี
แต่ในความเป็นจริง จะไม่เป็นแบบนี้นะครับ บางปีอาจบวกเยอะ บางปีจะมีติดลบแทรกมา
แต่เฉลี่ยๆ แล้วถ้าผลตอบแทนเท่ากับ 12% ต่อปี คำตอบก็จะออกมาเท่าๆ กันครับ