ถึงจุดที่ CFA จะทดแทน MBA แล้วหรือยังในงานด้านการเงินการลงทุน

บทความนี้น่าสนใจนะครับ CFA vs MBA

สำหรับวิชาชีพด้านการเงินการลงทุน
มันมาถึงจุดที่ CFA จะทดแทน MBA แล้วหรือยัง ?

ความเห็นส่วนตัวของผม คือ

1. มันก็ดีทั้งนั้น อยู่ที่เราจำเป็นต้องใช้อะไร
2. ถ้าเลือกไม่ถูก ก็ไม่เห็นต้องเลือก อาจจะเลือกทั้งคู่เลยก็ได้
3. ผมว่าคุณค่าจริงๆ นอกจากตัวอักษร 3 ตัวที่จะได้
   คุณค่าแท้มันอยู่ที่ “กระบวนการ” ก่อนจะได้มันมามากกว่า

ผมว่าเสน่ห์และคุณค่าของ CFA อยู่ที่…

1. มันไม่ได้วัดแค่ความรู้ แต่วัดความตั้งใจ วินัย และ ความอึดด้วย
เพราะเป็นหลักสูตรแบบ Self-study ต้องเรียนเอง เตรียมเอง
และการสอบ Level สูงๆ นั้น มักจะเกิดขึ้นตอนที่เราทำงานแล้ว
ตอนนั้นงานก็มักจะก้าวหน้าได้ดี… ซึ่งหมายถึง “งานจะหนักมาก”
เวลาเห็นใครที่มี CFA ต่อท้ายชื่อ นอกจากชื่นชมว่าเค้าเก่งแล้ว
ผมยังเห็น “หยาดเหงื่อ” และ “รอยแผล” ที่อยู่เบื้องหลังด้วย

2. มันเป็นการทดสอบที่ทดสอบคนทั่วโลก ด้วย Ground เดียวกัน
สอบวันเดียวกัน ข้อสอบชุดเดียวกัน ภาษาเดียวกัน กฎเดียวกัน
บรรยากาศคล้ายๆ กัน ถึงขั้นมีคนเรียกว่าเป็นการสอบ “จอหงวน” เลยทีเดียว
เมื่อผลลัพธ์ออกมา มันจึงน่าภูมิใจมากๆ

3. แม้มันจะไม่ได้การันตี “ความเก่ง” และ “ฝีมือ” ในการทำงาน
แต่มันทำให้คนที่กำลังคัดเลือกคนเข้าทำงานต้อง “สะดุดตา” 
กับตัวอักษร 3 ตัวนี้เสมอ… ลองฟังได้จากบทสัมภาษณ์ใน Career Library นะครับ
มีพี่ๆ หลายท่านก็พูดถึงไว้ว่า มันเป็น “ใบเบิกทาง” ในอาชีพด้านนี้ที่ดีมาก

เขียนมาทั้งหมด ก็อยากกระตุ้นน้องๆ ที่กำลังจะเอาดีในงานสายนี้ครับ
ถ้าลุย CFA ได้ก็ลุยเลย มันใช้เวลาหลายปีกว่าจะได้
แต่ผมเชื่อว่าได้มาแล้ว…

เราจะภูมิใจกับมัน และมันก็จะให้อะไรกับเรา “มากกว่าที่คิด” ครับ

ปล. ตัวผมเองก็ค้างอยู่ที่ Level 2 มา 2 ปีแล้ว
เสียค่าสมัครไปทั้ง 2 ปี โดยไม่ได้ไปสนามสอบเลยทั้ง 2 ปี
ไม่รู้ว่าปีต่อไป จะทำแบบเดิมอีกมั๊ย…

แต่หวังว่าจะไม่ 😛

โพสครั้งแรกใน A-Academy FB Page  เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. 57