เราทำงานนี้ให้ดีขึ้นได้อีกรึเปล่า?

คำถามนี้เป็น “คำถามสุดท้าย” ที่ผมใช้ถามตัวเองจนเป็นนิสัยตลอดมาก่อนจะส่งงานให้กับใคร
และเป็นคำถามที่ผมมั่นใจว่า ถ้าทุกท่านหมั่นถามคำถามนี้กับตัวเองบ่อยๆ
ท่านจะเป็นคนที่ “แตกต่าง” และ “โดดเด่น” จนใครๆ ก็ต้องสัมผัสได้

คำถามสุดท้ายที่ต้องถาม... ก่อนส่งมอบงาน

ผมขอเล่ากรณีตัวอย่างของผมเอง เพื่อให้ทุกท่านเห็นภาพมากขึ้นนะครับ
อ่านแล้วอาจจะดูโม้ๆ หรือดูโอ้อวดตัวเองอยู่บ้าง
แต่ผมคิดว่าถ้าโม้แล้ว อวดแล้ว ทำให้ทุกท่านได้อะไรขึ้นมา ให้ผมโม้ทั้งวันก็ได้
(อันที่จริง คนเราก็ชอบเล่าเรื่องดีๆ ของตัวเองอยู่แล้ว จริงมั๊ยครับ ^^)


ถ้าคิดถึง 7-11 แล้วนึกถึงความ “อิ่มสะดวก
คิดถึง Starbucks แล้วนึกถึง “บรรยากาศที่ดี
คิดถึง ebay แล้วนึกถึง “ความหลากหลายของสินค้า
คิดถึง Walt Disney แล้วนึกถึง “ความสนุกสนาน

ผมว่าพี่ๆ เพื่อนๆ ที่เคยทำงานกับผมนั้น เมื่อเค้าคิดถึงงานที่ผมทำ
ก็คงจะนึกถึง “คุณภาพ” ของงาน และ “ความเต็มที่” ที่ผมมีให้กับงานทุกงาน

เคล็ดลับของผมอยู่ที่การถามคำถามหนึ่งทุกครั้ง ก่อนจะส่งงาน นั่นคือคำถามที่ว่า


เราทำงานนี้ให้ดีขึ้นได้อีกรึเปล่า ?


ถ้าคำตอบคือ “ใช่” เรายังทำอะไรให้งานนี้ดีขึ้นได้อีก
พอมองนาฬิกา ดูปฏิทินแล้วพบว่าเวลายังมี…

ผมจะไม่ลังเลที่จะทำให้มันดีขึ้นทันที!

สมัยที่ผมยังทำงานประจำนั้น เมื่อผมได้รับการมอบหมายจากหัวหน้าให้หาคำตอบในเรื่องอะไร
ผมไม่เคยหยุดแค่การตอบคำถามนั้นได้ แต่จะคิดต่อด้วยว่า
มันมีเรื่องไหนที่หัวหน้าเราลืมคิดไป หรือเราจะ Add Value อะไรให้เค้าได้มั๊ย

เมื่อผมคุยกับลูกค้า แล้วเค้าสงสัยบางเรื่องเกี่ยวกับกองทุนของคู่แข่งที่บริษัทผมไม่ได้ขาย
ถ้าผมมีเวลา ผมจะช่วยหาข้อมูลนั้นให้กับเค้า เพราะเราเป็นคนในวงการ
การหาข้อมูลบางเรื่อง ลูกค้าอาจต้องพลิกแผ่นดินหา แต่เราขยับเม้าส์ไม่กี่ทีก็ได้แล้ว

เมื่ออยู่ในห้องประชุม ในฐานะพนักงานผู้น้อย
ถ้าเห็นผู้ใหญ่กำลังจะตัดสินใจอะไรบางอย่าง โดยที่ขาดข้อมูลสำคัญ แต่ไม่มีใครกล้าพูดเลย
ผมมักจะเป็นคนที่ยอม “พลีชีพ” พูดออกไป เพราะอยากให้งานออกมาดี ไม่ผิดพลาดเป็นหลัก

เมื่อทำ Slide Presentation ในเรื่องไหนๆ
ผมมักจะแก้ไขปรับปรุงอยู่จนนาทีสุดท้าย ตราบใดที่ยังไม่ถึงกำหนดส่ง
และ Slide ของผม แม้จะเป็นเรื่องเดียวกัน แต่เวลาผ่านไป มันจะมีเวอร์ชั่นที่ดีกว่าเสมอ
ผมไม่มีเวลาไปคิดเล็กคิดน้อยว่า ลูกค้ากลุ่มนี้ไม่สำคัญ เวทีนี้เล็ก อย่าทำดีมากเลย
คิดอยู่อย่างเดียวว่า “เราทำงานนี้ให้ดีขึ้นได้อีกรึเปล่า

ผมเป็นวิทยากรบรรยายให้สถาบันการเงินหลายแห่ง
ก่อนขึ้นบรรยายที่ไหน เมื่อผมไปถึงก่อน ผมจะถามว่า “มีอะไรที่จะทำให้การบรรยายครั้งนี้ดีขึ้นได้มั๊ย
ผมเริ่มดูรายชื่อผู้เข้าอบรม ดูตำแหน่งงานของเค้า ดูว่าเค้ามาจากสาขาไหน พื้นที่ไหน
สินค้าที่เค้าขายคืออะไร เมื่อเที่ยงเค้ากินอะไรกัน เมื่อเช้าอบรมเรื่องอะไรมา ทั้งคอร์สนี้เค้าเรียนเรื่องอะไรบ้าง
เริ่มหาตำแหน่งพูด ลองไปยืน ณ จุดต่างๆ ของห้อง หาจุดที่เราจะพูดแล้วมีพลังที่สุด
ปรับขนาดจอและโฟกัสของ Projector ให้ใหญ่และคมชัดที่สุดเอง
ทบทวนอนิเมชั่นต่างๆ และลำดับ Slide ที่เราเตรียมมา

พอถึงเวลาพูด เราก็พูดได้ราวกับสนิทกับเค้ามานาน
พูดได้ถูกต้องโดยไม่ต้องหันดูจอ รู้ตำแหน่งที่ควรเดิน ควรหยุด ควรยืน
แซวเค้าได้ว่าวันนี้กินอะไรมา เชื่อมโยงได้ว่าที่เราพูด เกี่ยวอะไรกับเรื่องที่เค้าเรียนไปก่อนหน้า
ผมไปพูดให้ค่ายไหน ผมก็ยกตัวอย่าง Product ของเค้า ราวกับเคยไปขายของด้วยกันมาแสนนาน

ระหว่างพูดไป เครื่องเสียงเกิดดับ ไมค์มีปัญหา ไม่มีช่างอยู่
แทนที่จะเก้ๆ กังๆ หรือรอช่างซึ่งไม่รู้จะมาเมื่อไร
ผมถามตัวเองทันทีว่า “เราทำอะไรให้ดีขึ้นได้มั๊ย ในสถานการณ์นี้
สักพักผมก็ตัดสินใจกระโดดลงจากเวที เข้าไปยืนตรงกลางผู้ฟัง
ขออนุญาตพรีเซ้นต์โดยไม่มีไมค์จากตรงนี้ ทุกท่านถึงจะได้ยินเสียงทั้งหมด แล้วการบรรยายก็เดินต่อได้


แค่นี้น่าจะพอเห็นภาพพอสมควรนะครับ…

บางท่านอาจจะถามว่า “ทำมากเกินไปรึเปล่า
ทำงาน “เกินเงินเดือน” มั๊ย “เสี่ยงเกินไป” มั๊ยที่ไปเสนออะไรในที่ประชุมแบบนั้น
ไม่กลัวถูกคน “หมั่นไส้” เหรอ แล้วถ้าเค้าไม่เห็น “คุณค่า” ที่เราทำล่ะ

คำตอบคือ

ผมเชื่ออยู่อย่างนึงครับ ซึ่งเป็นหลักการเดียวกับที่ผมใช้ลงทุนมาตลอด นั่นคือสำหรับหุ้นแล้ว

กิจการที่ดี กำไรเติบโต จะไม่ถูกทอดทิ้งให้ราคาต่ำอยู่นาน
สุดท้ายจะมีคนเห็นคุณค่า แล้วซื้อมันจนทำให้ราคาสะท้อนคุณค่าที่มันควรจะเป็น

เรื่องการทำงานเช่นกันครับถ้าเรามีคุณค่า และแสดงออกถึงคุณค่านั้นอย่างต่อเนื่อง

สุดท้ายถ้าคนในไม่เห็น หรือเห็นแล้วไม่ทำอะไร
คุณค่าของเราจะเปล่งรัศมีออกไปจนคนนอกเห็นคุณค่าของเราเอง

ผมเองโชคดีที่เคยได้ทำงานในที่ที่นายเห็นค่า และพยายามตอบแทนให้กับผมอย่าง “สมคุณค่า
ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผมมีอิสรภาพทางการเงิน สามารถลาออกมาทำ A-Academy ได้อย่างรวดเร็ว

แต่ผมก็เห็นอีกหลายเคสที่คนในมองไม่เห็นค่า
และในที่สุดคุณค่าที่แท้จริงของเค้าก็ได้ถูกแสดงออกอย่างชัดเจนใน “ที่อื่น
เพราะในฐานะคนทำงาน มนุษย์เงินเดือน เราก็ย่อมอยากอยู่ในที่ที่ความสามารถของเราได้กับการ “ยอมรับ
และแสดงออกถึงการยอมรับนั้น ด้วยทั้งการ “ให้เกียรติ” และ “ให้ผลตอบแทนที่เหมาะสม


ผมจึงอยากชวนทุกท่านให้หมั่นถามคำถามนี้กับตัวเองบ่อยๆ ครับ
ทำให้มันเป็นนิสัย ให้มันเป็นคำถามสุดท้าย ก่อนที่งานจะส่งออกไป

เพราะแม้เราควรจะรู้จักพอในหลายๆ เรื่องที่เป็นความฟุ่มเฟือย
แต่เรื่องของคุณค่าของเรานั้น ผมอยากให้เราแสดงออกกันอย่างเต็มที่

อย่างที่เราเป็น หรือ อย่างที่เราอยากเป็น

อยากได้ดี อยากก้าวหน้า เราต้องทำเหตุครับ… ไม่ใช่อยู่เฉยๆ


โพสครั้งแรกใน A-Academy FB Page  เมื่อวันที่ 5 ก.ค. 57

1 COMMENT

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here