สวัสดีครับ มีคำถามมากมายที่พยายามค้นหาคำตอบแล้วหาที่ไหนไม่ได้
ไม่ทราบว่าปรึกษาในนี้จะถูกต้องไหมครับ

  1. ปกติผมสามารถลดหย่อน RMF/LTF ได้เต็ม 500,000 บาท
    ปีนี้ผม Early Retire มาตั้งแต่ช่วงต้นปีทำให้รายได้จากเงินเดือนและอื่นๆ น้อยกว่าเดิม
    แต่ถ้ารวมรายได้ส่วน Early retire นี้ด้วยก็คงเกิน แต่ผมจะแยกยื่นของส่วน Early Retire นี้เพื่อลดภาษี
    ผมสามารถซื้อ RMF /LTF ได้เต็ม 500,000 ในกรณีแยกยื่นไหมครับ
    และต้องทำอย่างไรครับ ? ลดหย่อนประกันได้ไหม? ผมอายุ 53 ปีครับ
  2. ปีหน้าผมควรจะวางแผนภาษีอย่างไร
    คาดว่าน่าจะมีรายได้จากดอกเบี้ย และปันผลหุ้น+กองทุน สักประมาณ 1-2 ล้านบาท
    ปัจจุบันผมใช้หัก ณ ที่จ่ายทั้งหมดเนื่องจากมีรายได้ประจำ
    แต่ปีหน้าผมจะมีแต่รายได้ส่วนนี้

    • ผมควรวางแผนภาษีอย่างไรครับให้เหมาะสม
    • ผมยังสามารถซื้อ RMF/LTF ได้ไหมอย่างไร
    • ประกันออมทรัพย์ควรทำต่อไหม อย่างไร
    • จะต้องเครดิตคืนพวกภาษีปันผลหรือไม่อย่างไรครับ

จริงๆ ยังมีอีกหลายคำถาม แต่จะรบกวนเบื้องต้นแค่นี้ก่อน
มีคำแนะนำไหมครับว่าผมสามารถไปหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ไหนอย่างไรครับ


คำตอบ

หากตอบแบบกำปั้นทุบดิน

ด้วยระดับรายได้ และรายละเอียดของคำถาม
ผมคิดว่าคุณผู้ถามควรจะมีนักวางแผน/ที่ปรึกษาการเงินส่วนตัวครับ
ผมเองก็ไม่รู้จะแนะนำใครให้ เพราะไม่รู้ฝีมือและความเชี่ยวชาญของแต่ละคน
แต่อาจจะเริ่มจากรายชื่อของนักวางแผนการเงิน CFP ในเว็บนี้ก็ได้ครับ

http://tfpa.or.th/2014/pages.php?page=4-2-1

ลองติดต่อท่านที่สนใจไปดู ถามอัตราค่าบริการต่างๆ ว่าเป็นอย่างไร จะได้มีที่ปรึกษาส่วนตัวไว้คุยกันอีกหลายเรื่องครับ


หากให้ผมตอบ ผมตอบให้คร่าวๆ ได้ดังนี้

1. กรณีแยกยื่นเงินได้ที่นายจ้างจ่ายให้ครั้งเดียวเพราะเหตุออกจากงานโดยใช้ในแนบ ภ.ง.ด.

ตามความเข้าใจของผม ซึ่งผมมั่นใจแค่ 70-80% เท่านั้น
เงินได้ที่นำออกมาแยกยื่นนั้นจะได้รับการหักค่าใช้จ่ายในอัตราพิเศษอยู่แล้ว
เงินได้ในส่วนนั้น จึงไม่สามารถนำมาเป็นฐานเงินได้ 
เพื่อนำมาใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีด้วย LTF/RMF/ประกันชีวิตประเภทต่างๆ เพิ่มได้อีก
ลองสังเกตดูในแบบฟอร์มนะครับ จะไม่มีช่องให้กรอกรายการลดหย่อนใดๆ เลย
(ดาวโหลดแบบฟอร์มดูได้ที่นี่ครับ http://www.rd.go.th/fileadmin/tax_pdf/pit/Attach9091_110157.pdf)

ดังนั้น เงินได้ส่วนที่สามารถนำมาคำนวณเป็นฐานเพื่อซื้อ LTF/RMF รวมถึงการลดหย่อนประกันชีวิต
ก็จะลดหย่อนได้เฉพาะส่วนของเงินได้ปกติที่ยื่นในแบบ ภ.ง.ด. 90/91 เท่านั้น
(ไม่สามารถไปใช้ลดหย่อน เงินได้ส่วนที่ยื่นในใบแนบได้ครับ)

โดยสรุป จะซื้อ LTF/RMF ได้เต็มที่ 5 แสนหรือไม่ ก็ต้องลองคำนวณดูครับ
ว่าเฉพาะรายได้ที่จะยื่นใน ภ.ง.ด. 90/91 นั้นคูณ 15% แล้วมันถึง 5 แสนหรือไม่ครับ
ถ้าไม่ถึงก็ไม่สามารถซื้อได้ จะเป็นการซื้อเกินสิทธิ์ครับ

ส่วนประกันชีวิตนั้นไม่ต้องคูณอะไร เพราะสามารถลดหย่อนได้สูงสุดไม่เกิน 1 แสนบาท โดยไม่ขึ้นกับรายได้อยู่แล้ว

ถามว่าผมมั่นใจแค่ 70-80% แล้วจะทำยังไงถึงจะมั่นใจว่าถูกต้อง 100%

ผมแนะนำว่า

1) ถามผู้รู้ด้านนี้ที่รู้มากกว่าผมเช่นพี่ TaxBugNoms
2) โทรสอบถามกรมสรรพากร ที่ Call Center เบอร์ 1161
3) ปรึกษานักวางแผน/ที่ปรึกษาการเงินตามลิ้งค์ที่แนะนำไปครับ


2. ปีหน้าควรวางแผนภาษีอย่างไร

เงินปันผลจากกองทุน
ผมคิดว่าด้วยเงินได้ 1-2 ล้านที่ประมาณมาให้ การหัก ณ ที่จ่าย 10%
ก็ยังเป็นทางเลือกที่คุ้มอยู่ครับ เพราะเงินได้สุทธิตั้งแต่ 5 แสนขึ้นไป ก็เสียภาษีที่ฐานสูงกว่า 10% แล้ว
การไม่ให้หัก ณ ที่จ่าย แต่นำมายื่นรวมเป็นรายได้ จะทำให้เสียภาษีมากขึ้น

เงินปันผลจากหุ้น
ต้องลองคำนวณเปรียบเทียบดูครับ ว่าระหว่างขอกับไม่ขอเครดิตภาษีคืนวิธีไหนประหยัดกว่า
ไม่สามารถตอบได้แบบเร็วๆ ครับ

LTF/RMF ยังซื้อลดหย่อนได้หรือไม่
หากยังมีเงินได้ และยังมีภาระภาษีที่ต้องเสียอยู่ ก็สามารถใช้สิทธิ์ลดหย่อนได้ครับ
โดยเฉพาะกรณี RMF ที่คุณผู้ถามยังต้องลงทุนต่อเนื่องจนถึงอายุ 55 ปี ก็ยังคงต้องลงทุนให้ถูกเงื่อนไข อย่าหยุดนะครับ

ประกันออมทรัพย์ควรทำต่อไหม
กรณีเป็นประกันฉบับเดิมที่ทำมาต่อเนื่อง และเราไม่ได้เดือดร้อนอะไรในการส่งเบี้ย
ก็ควรทำต่อไปครับ กรณีมีภาระภาษี ก็ยังใช้ประกันส่วนนี้ไปลดหย่อนได้อยู่

แต่ถ้ามีปัญหาเรื่องเงิน ส่งเบี้ยต่อไม่ไหว ให้ลองปรึกษาตัวแทนดู สามารถทำได้หลายแบบครับ เช่น

1) หยุดจ่ายเบี้ย แต่ยังคงได้รับความคุ้มครองมูลค่าเท่าเดิม (แต่ระยะเวลาสั้นลง)
2) หยุดจ่ายเบี้ย แต่ยังคงได้รับความคุ้มครองเป็นระยะเวลาเท่าเดิม (แต่ทุนเอาประกันลดลง)
3) หยุดจ่ายเบี้ย แล้วเวนคืนกรมธรรม์ ได้เงินคืน (โดยไม่เหลือความคุ้มครองใดๆ)


คำเตือน

ขอให้ระมัดระวังเรื่องการดำเนินการทางภาษีต่างๆ นะครับ
ผมเองก็ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ และ การตีความหลายๆ อย่าง แต่ละคนก็อาจจะตีความต่างกันไป
ขอให้ถือคำแนะนำผมเป็นคำแนะนำใน “เบื้องต้น” เท่านั้น
หากผิดพลาดขึ้นมา ผมเองก็ไม่สามารถช่วยรับผิดชอบอะไรได้

ทางที่ดีควรปรึกษาผู้รู้ท่านอื่นๆ เพิ่มขึ้น 
หรือหานักวางแผน/ที่ปรึกษาการเงินที่เค้าสามารถให้บริการได้ลึกกว่าการตอบผ่านเว็บแบบผมจะดีกว่าครับ

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here