เมื่อก่อนมีเงินก้อนอยู่ 1,500,000 เล่นหุ้นทั้งหมดเลย
ซึ่งเล่นหุ้นผลตอบแทนดีถ้าเก่ง พอดีไม่ค่อยเก่งเงินที่มีเลยหายเรื่อยค่ะ
ตอนนี้เลยมาวางแผนการลงทุนใหม่ ปัจจุบันเงินเดือน 70,000 บาท
1. ค่าใช้จ่ายส่วนตัวและครอบครัว 30,000 บาท
2. ฝากประจำรายเดือนดอก 3.5% 20,000 บาท
3. ลงตราสารทุนของอเบอดีน DCA 10,000 บาท
4. ลงกองตราสารหนี้ K-FIXED แบบ DCA 5,000 บาท
เงินที่มี 1,500,000 ที่เคยเล่นหุ้น
พยายามเอาออกมาฝากในบัญชี ME 200,000 กองทุนทอง 400,000 ที่เหลือยังอยู่ในหุ้นค่ะ
คำถาม คือ
1. จัดสัดส่วนการลงทุนแบบนี้เหมาะสมรึยังค่ะ
2. ยังมีเงินเหลือจากเงินเดือน อีก 5,000 บาท อยากทำ DCA อีกซักกองแนะนำลงที่กองไหนดีคะ
ช่วยแนะนำด้วยได้ไหมคะ
เพื่อการลงทุนระยะยาวให้ลูกค่ะ อยากมีเงินเก็บเยอะๆ ถือ 5 ปีขึ้นไป ผลตอบแทน 6-10%
จริงๆ ก็อยากได้ผลตอบแทน 10% แต่คิดเผื่อไว้ในกรณีที่ได้น้อย ผลขาดทุนภายใน 1 ปี ไม่เกิน 20% รับได้ค่ะ
คำตอบ
ก่อนอื่น ต้องออกตัวอีกครั้งว่าคำถามลักษณะนี้
ผมเองจะตอบได้ลำบากมาก เพราะไม่ได้นั่งคุยกันละเอียด
และ มันก็ไม่เหมาะที่จะมาแนะนำกันผ่านการพิมพ์คุยแบบนี้ เพราะต้องใช้เวลาและความพยายามในการตอบมาก
ดังนั้น นานๆ ที จึงจะสามารถนำมาตอบได้สักเคสหนึ่ง
(แต่เชื่อมั๊ยครับ ว่าพอโพสตอบปุ๊บ จะมีเคสใหม่ๆ วิ่งเข้ามามหาศาลเลย T-T
ยังไงก็รอหน่อยนะครับ ถ้าพอจะตอบได้ ผมจะตอบให้แน่ แต่ถ้าตอบไม่ได้ จะแจ้งกลับไปโดยเร็วครับ)
เข้าเรื่องเลยนะครับ ต้องบอกว่าผู้ถามออมได้เก่งมากๆ
รายได้ 70,000 หักมาออมได้มากถึง 40,000 (Saving Rate = 57%) น่าชื่นชมครับ
ในการตอบนั้นผมจะขอตอบเป็นกรอบกว้างๆ อิงบทเรียนที่ทำไปแล้วเป็นหลัก
โดยเริ่มจากการไม่สนใจสิ่งที่ผู้ถามทำอยู่ แต่เริ่มคิดใหม่จาก “เป้าหมาย” ที่ให้มา
นั่นคือ มีเวลาลงทุนเกิน 5 ปี หวังผลตอบแทนเฉลี่ย 6-10% ต่อปี
จริงๆ อยากได้สูงแถวๆ 10% แต่คิดเผื่อเหลือเผื่อขาดไว้
และหากมีปีที่แย่ ขอให้ขาดทุนในปีนั้นไม่เกิน 20% มิเช่นนั้น อาจทนไม่ไหว ขายทิ้งไปก่อนในตอนวิกฤติ
ด้วยเป้าหมายลักษณะนี้ จะค่อนข้าง Match กับพอร์ตการลงทุนแบบ Diversified Growth ในบทเรียนตอนนี้
http://www.a-academy.net/finance/personal-finance/07-growth-port/
ซึ่งผมแนะนำสัดส่วนการลงทุนระยะยาว (Strategic Asset Allocation) ไว้คือ
- ตราสารหนี้ไทย 20%
- ตราสารหนี้ต่างประเทศ (Global Bond) 30%
- หุ้นไทย 30%
- หุ้นต่างประเทศ (เน้นประเทศที่พัฒนาแล้ว) 20%
- ทองคำหรือสินทรัพย์ทางเลือก 10%
ซึ่งการจัดพอร์ตลักษณะนี้ แล้วถือมาต่อเนื่อง
ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ได้ผลตอบแทนเฉลี่ยประมาณ 9-10%
ในวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ปี 2008 มีผลขาดทุน -16%
Maximum Drawdown หรือ การปรับลงจากจุดสูงสุดก่อนวิกฤติถึงจุดต่ำสุดประมาณ -23%
ซึ่งน่าจะตรงสเปคตามข้อกำหนดที่ได้มา และส่วนตัว “ผมเชื่อ” ว่าในอนาคตก็น่าจะยังตอบโจทย์ดังกล่าวได้
(ที่ต้องใช้คำว่า “เชื่อ” ก็เพราะไม่มีใครคาดการณ์อนาคตได้แม่นยำ
การวางแผนลงทุนจึงต้องอาศัยความเชื่อ หรือเรียกให้สวยๆ ว่าการใช้ดุลยพินิจด้วยส่วนหนึ่ง
และต้องเน้นคำว่า “ผม” เพราะคนอื่นๆ อาจเชื่อไม่เหมือนกันก็เป็นได้ครับ)
สมมติว่าเชื่อตามผม ขั้นต่อมาก็คือการนำมาแปลงเป็นแผนการลงทุน
เริ่มจากเงินก้อนแรกก่อนคือก้อน 1.5 ล้านบาทที่มีอยู่แล้ว
จัดสรรเข้าลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ อิง Strategic Asset Allocation คือ
- ตราสารหนี้ไทย 20% หรือ 3 แสนบาท
- Global Bond 30% หรือ 4.5 แสนบาท
- หุ้นไทย 30% หรือ 4.5 แสนบาท
- หุ้นต่างประเทศ (เช่น หุ้นสหรัฐฯ) 10% หรือ 1.5 แสนบาท
- ทองคำ 10% หรือ 1.5 แสนบาท
โดยเครื่องมือที่ใช้นั้น จากการประเมินจากคำถามที่ส่งมา
ผมแนะนำว่าใช้กองทุนรวมเป็นเครื่องมือหลักดีกว่าครับ จะใช้กองทุนเดิมที่รู้จักอยู่แล้วก็ได้
หรือถ้าจะถือโอกาสนี้เลือกกองทุนใหม่ ก็ขอให้ศึกษาในวิดีโอซีรี่ย์ “ลงทุนด้วยกองทุนรวม”
http://www.a-academy.net/personal-finance/s08-mutual-fund/
จะมีสอนเลือกกองทุนทุกประเภทที่กล่าวถึงข้างต้น ลองดูตอนที่ 11, 13, 17, 21, 25 ครับ
เมื่อเห็นยอดเงินเป้าหมายแล้ว และเลือกกองได้แล้ว
ก็ให้ทำการปรับพอร์ตในส่วนของเงินปัจจุบัน ที่กระจายอยู่ผิดเพี้ยนไปจากแผนนี้
ให้เป็นไปตามแผน เช่น ทองคำที่มีอยู่มากถึง 4 แสน ก็ปรับลดลงมาเป็น 1.5 แสน
การปรับนั้น จะใช้วิธีค่อยๆ ทยอยปรับ กินเวลาสัก 3-6 เดือนก็ยังได้ครับ
คือทยอยสับเปลี่ยนส่วนที่มีอยู่เกิน มาซื้อเพิ่มในส่วนที่ยังไม่มี หรือยังขาดอยู่
ที่ให้ใช้วิธีทยอย ก็เพื่อบริหารต้นทุน ให้ได้ต้นทุนเฉลี่ยๆ ที่ไม่สุดโต่ง คือสูงจนเกินไป
ขั้นต่อมาคือการปรับในส่วนของเงินรายเดือนที่จะเข้าลงทุน
ในกรณีที่ตั้งใจจะลงทุนเดือนละ 40,000 บาท ก็ปรับให้เป็นไปตามสัดส่วนการลงทุนระยะยาว นั่นคือ
ลงทุนแบบ DCA
- ตราสารหนี้ไทย 20% หรือ 8,000 บาท/เดือน
- Global Bond 30% หรือ 12,000 บาท/เดือน
- หุ้นไทย 30% หรือ 12,000 บาท/เดือน
- หุ้นต่างประเทศ (เช่น หุ้นสหรัฐฯ) 10% หรือ 4,000 บาท/เดือน
- ทองคำ 10% หรือ 4,000 บาท/เดือน
นั่นคือ ถ้าเชื่อตามผม แผนการลงทุนแบบ DCA เดิม ที่มีการทำอยู่แล้ว ก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลงไปตามนี้
ในขั้นแรกๆ ก็มีขั้นตอนประมาณนี้ จะได้พอร์ตแบบ Diversified Growth ที่น่าจะพอตอบโจทย์ได้
ขั้นตอนต่อไปนี้ ก็รักษาวินัย ลงทุนไปตามแผน และต้องทำความเข้าใจอย่างหนึ่งว่า
การจัดพอร์ตลงทุนแบบ Asset Allocation ด้วยวิธี DCA แบบนี้
ในบางช่วง จะมีบางสินทรัพย์ (บางกองทุน) ที่ให้ผลตอบแทนแย่ บางสินทรัพย์ให้ผลตอบแทนดีเป็นพิเศษ
เราไม่ควรแยกมองเป็นกองๆ ตัดขาดจากกัน เพราะจะกระตุ้นให้เราอยากลดหรือขายกองที่แย่
แล้วไปเพิ่มหรือทุ่มลงทุนในกองที่ดี ซึ่งก็จะทำให้ “พอร์ตแตก” คือผิดแผนในระยะยาวไปได้
การติดตามมูลค่าพอร์ต เพื่อประเมินความสำเร็จ/ความล้มเหลว จึงต้องมองภาพรวม
หมายความว่า คิดรวมเงินทุกก้อน ทุกสินทรัพย์เข้ามา
ซึ่งก้อนที่ขาดทุน อาจจะถูกชดเชยด้วยกำไรของอีกสินทรัพย์หนึ่ง
แบบนี้ จึงจะได้เห็นประโยชน์ของการกระจายความเสี่ยง (Diversification Effect)
ซึ่งผลตอบแทนที่ทำแสดงไว้ให้ดูในบทเรียน ก็คิดมาจากการมองภาพรวมด้วยวิธีนี้เช่นกันครับ
หากลงทุนไปสักระยะหนึ่ง เกิดอยากจะทำนั่นทำนี่ เพื่อเพิ่มผลตอบแทน หรือเพื่อลดความเสี่ยง
ก็ขอให้ตั้งใจศึกษาบทเรียนในซีรี่ย์ “กลยุทธ์การลงทุน” เพิ่มเติม
http://www.a-academy.net/personal-finance/s09-investment-strategy/
ในบทเรียนชุดนี้ ยังมีเนื้อหาเกี่ยวกับเทคนิคการปรับพอร์ต เทคนิคการลดความเสี่ยงแบบต่างๆ ให้เรียนรู้อีกมากครับ
ปล. คำแนะนำข้างต้นพิจารณาเฉพาะเรื่องของการลงทุนเท่านั้น
อย่าลืมจัดสรรเรื่องของเงินสำรอง การบริหารความเสี่ยงทางการเงินรูปแบบต่างๆ ให้พร้อมด้วยนะครับ
ปล 2. ผมเป็นเพียงคนแปลกหน้าคนหนึ่ง โปรดใช้วิจารณญาณในการเลือกเชื่อ และการนำไปใช้
และผมไม่มีปัญญา + ไม่สามารถที่จะรับผิดชอบอะไรได้ จากคำแนะนำที่ให้ไว้ข้างต้นนี้ครับ
จะซื้อหอพักครับ เค้าเสนอมา 6 ล้าน แก่แล้วดูแลไม่ไหว อยู่ไกล ลูกสาวก็ไม่เอา ผมบอก สู้ได้ 4.5 ลบ.
ออมสิน ให้ ส่งได้ 15 ปี 35,000.-/เดือน หอพักมีทั้งหมด 32 ห้อง ราคา 3,500/ 20 ห้อง – 3000/12 ห้อง
ปิเทอม 4 เดือน ฝากของคิด 1500.-
คำถาม น่าเอามั้ยครับ
ywritingj discount viagra pills