Khan Academy @ Class Day 2014 of Harvard Business School

A-Academy นั้นเกิดขึ้นจากประโยคสั้นๆ 2 ประโยค
จาก Sal Khan ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ Khan Academy
ซึ่งปัจจุบันเป็นเว็บไซต์ที่มีคนกว่า 10 ล้านคน/เดือน
เข้าไปเรียนรู้สิ่งต่างๆ จากวิดีโอในสารพัดด้านกว่า 5 พันตอน พร้อมแบบฝึกหัดกว่าแสนข้อ

ประโยคที่ 1 
พูดถึงการตัดสินใจออกจากการเป็น Hedge Fund Analyst
ซึ่งเป็นงานทำเงิน มาทำเว็บไซต์สอนหนังสือแบบ Not-for-Profit เต็มตัว
“ตอนนี้ผมมีภรรยา มีลูกที่น่ารัก มีบ้านเล็กๆ มีรถญี่ปุ่นที่ขับไปไหนต่อไหนได้
ไม่คิดว่าต้องการอะไรมากไปกว่านี้“

ประโยคที่ 2
พูดถึงว่าถ้าใครอยากจะช่วยเค้า ให้ทำอะไร
“ไม่ต้องบริจาคเงินก็ได้ แต่คุณอาจจะลองดูว่า มีอะไรที่คุณจะแบ่งปันให้กับคนอื่น
เช่นการแบ่งความรู้แบบที่ Khan Academy ทำอยู่ก็ได้
เริ่มแบ่งปันสิ่งที่คุณรู้ก่อน เท่านี้ก็ถือเป็นการช่วยเราแล้ว”

ในวิดีโอนี้ Sal Khan ได้ไปพูดให้รุ่นน้องที่จะเรียนจบในวัน Class Day ปี 2014
ที่ Harvard Business School (Khan เป็นศิษย์เก่า MIT และ Harvard)
อยากให้ลองฟังดูนะครับ ถ้าไม่เอาเนื้อหา ผมก็ว่าไว้ฟังฝึกภาษาได้ดี
เค้าพูดฟังง่าย ไม่เร็ว และมีมุขตลกๆ ที่คนไทยเข้าใจได้อยู่เป็นระยะๆ

ถ้าจะเอาเนื้อหานั้น หลักๆ เค้าพูดอยู่ 3 เรื่องคือ

1) รำลึกความหลัง การเรียนที่ HBS

เรื่องความหลากหลายของเพื่อน (มีตั้งแต่หน่วย SEAL, นักกีฬา Olympic,
ผู้ก่อตั้งองค์กรเจ๋งๆ, แพทย์ด้านสมอง, แชมป์โต้วาทีระดับโลก, ดาราไต้หวัน,
คนที่พูดได้ 5 ภาษา ไปจนกระทั่งบาทหลวง!)

การที่อาจารย์ไม่ได้เป็นแค่อาจารย์ แต่เป็นคนที่ช่วยให้เกิดการแลกเปลี่ยนระหว่างนักเรียนด้วยกัน

Tradition บางอย่างที่อาจหาไม่ได้ที่ไหนแล้ว เช่น
การบังคับเข้าเรียน (แนวๆ เช็คชื่อ), ต้องนั่งตามที่คณะจัดให้ เลือกที่นั่งเองไม่ได้
การ Cold Call (ผมเข้าใจว่าคือการให้โทรหาเพื่อนที่ไม่รู้จักมาก่อน),
การบังคับกินมื้อเช้าเพื่อแลกเปลี่ยน discuss กับเพื่อนต่าง Section

2) พูดถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นบนโลกวันนี้

เป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของโลก
โลกเชื่อมโยงกันมากขึ้น ทุกคนเข้าถึงความรู้ และเทคโนโลยีระดับสูงที่ทรงพลัง
เร็วจนจินตนาการไม่ถูก องค์ความรู้เก่า องค์กรเก่า ถูกท้าทายตลอดเวลา

3) ฝากถึงรุ่นน้อง

ทุกคนที่จบที่นี่ วันนึงจะไปอยู่ในตำแหน่งงานที่ influence โลกได้
อยากให้มองไปไกลกว่าระยะสั้น มองไปไกลกว่าผลประโยชน์หรือโบนัสที่กำลังจะได้
มองให้ใหญ่กว่าตัวเอง

มององค์กร (Firm) ไม่ใช่ในฐานะเพียงเครื่องมือไว้หากำไรสูงสุด (Maximize Profit)
แต่ให้มองกำไรเป็นเพียงผลพลอยได้ (by product) ของการนำองค์กร
ไปสร้างความเป็นอยู่ที่ดีที่สุดให้กับคนในโลก (Maximize Well-being)

อย่ายอมรับสิ่งที่มันเป็นอยู่แบบที่มันเป็น ขอให้เชื่อว่าตนเปลี่ยนสิ่งนั้นได้
เราเสียเวลาอย่างมากไปกับการปฏิเสธ หรือ กดฝันตัวเองไว้
ว่ามันทำไม่ได้ มันโลกสวยเกินไป

ขอให้ทุกคนเชื่อในฝันกลางวันของตัวเอง… เชื่อเถอะว่าโลกสวยได้

ประโยคสุดท้ายก่อนลงจากเวทีคือ “Go Make History” ไปเขียนประวัติศาตร์กัน!

โพสครั้งแรกใน A-Academy FB Page  เมื่อวันที่ 31 พ.ค. 57