ผมมีเรื่องสงสัยเกี่ยวกับการปรับพอร์ตลงทุนครับ
ผมอายุ 31 ปี มีรายได้ประจำ ผมตั้งเป้าหมายไว้ที่ มีเงินเก็บ 10,000,000 ภายใน 15 ปี
โดยอัตราผลตอบแทนที่คาดหวังคือ 8% ต่อปี
พอร์ตที่ตั้งไว้มี กองทุนหุ้น 70% แบ่งเป็น ไทย 70% ต่างประเทศ 30%
กองทุนตราสารหนี้ 30% แบ่งเป็น ไทย 40% ต่างประเทศ 60%
วิธีที่ลงทุนคือแบบ DCA เดือนละ 1 ครั้ง
เข้าคำถามเลยนะครับ
1. ในช่วงตลาดหุ้นเป็นขาลงอย่างชัดเจน ผมควรจะเพิ่มสัดส่วน คงไว้ หรือลดสัดส่วนการถือหุ้นดีครับ
เพราะใจนึงก็คิดว่า เพิ่มสัดส่วนดีกว่า หุ้นกำลังลงได้ของถูก
อีกใจก็คิดว่า ทำตามแผนไปเรื่อยๆ ตามเป้าหมาย
อีกใจก็คิดว่า ลดสัดส่วนดีกว่า จะได้เสียหายลดลงบ้าง ?
2. หากผมควรปรับบ้าง ผมควรปรับเฉพาะเงินที่จะลงในงวดต่อๆ ไป หรือควรปรับทั้งพอร์ตเลยดีครับ ?
คำตอบ
ก่อนที่จะเข้าคำถาม ผมอยากให้ลองเช็คดูก่อนนะครับ ว่าด้วยอัตราผลตอบแทน 8% ต่อปี
กับเงินที่จะลงทุนเพิ่มในช่วง 15 ปีนี้ เพียงพอต่อการบรรลุเป้าหมาย 10 ล้านบาท
ลองวางแผนได้ตามบทเรียนตอนนี้ครับ
http://www.a-academy.net/finance/personal-finance/06-planning-uneven/
ต่อไปขอตอบคำถามที่ถามว่าเลยนะครับ
คำถามที่ 1
มีแนวทางการตอบได้หลายแนว อยู่ที่ความเข้าใจ ความเชื่อ ความมั่นใจ ฯลฯ ของตัวผู้ถามครับ
แนวที่ 1 : ไม่มั่นใจว่าจะคาดการณ์ตลาดได้ถูก เชื่อในวินัย
ก็ขอให้ยึดมั่นในสัดส่วนการลงทุนที่ตั้งไว้ โดยไม่ต้องไปคาดเดาอะไร
คำว่ายึดมั่นในที่นี่ ไม่ใช่ปล่อยพอร์ตทิ้งเฉยๆ โดยไม่ปรับครับ
แต่จะเป็นการปรับเพื่อรักษาสัดส่วนสินทรัพย์ที่ตั้งใจไว้ ไม่ให้ผิดเพี้ยนไปมาก
หรือที่เรียกว่าการ ปรับสมดุลพอร์ตการลงทุน (Portfolio Rebalancing)
ด้วยวิธีการนี้ ในตอนที่หุ้นกำลังตก สัดส่วนของหุ้นในพอร์ตจะลดลง
การทำ Portfolio Rebalance เราจะถูกบังคับให้นำเงินจากส่วนอื่นๆ มาซื้อหุ้นเพิ่ม
เพื่อให้สัดส่วนของหุ้นที่พร่องลงไป กลับมาเต็มตามเดิม
นั่นคือจะได้ซื้อหุ้นเพิ่งบ้าง ในขาลงครับ แต่ก็ไม่ได้เพิ่มมากจนเกินที่ตั้งใจไว้
ลองศึกษาเพิ่มในบทเรียนตอนนี้นะครับ
http://www.a-academy.net/finance/personal-finance/24-portfolio-rebalancing/
แนวที่ 2 : มีความมั่นใจว่าจะคาดการณ์ตลาดได้ถูก พร้อมจะเสี่ยงบ้าง
ก็ขอให้ศึกษาแนวทางการทำ Tactical Asset Allocation ให้ดี
เริ่มจากหลักการที่สอนในบทเรียนตอนนี้
http://www.a-academy.net/finance/personal-finance/09-tactical-asset-allocation/
และแนวทางการตัดสินใจปรับพอร์ต TAA อีก 5 แนวทางในบทเรียนเหล่านี้
http://www.a-academy.net/finance/personal-finance/10-taa-expert/
http://www.a-academy.net/finance/personal-finance/11-taa-econ-cycle/
http://www.a-academy.net/finance/personal-finance/12-taa-valuations/
http://www.a-academy.net/finance/personal-finance/13-taa-risk-appetite/
http://www.a-academy.net/finance/personal-finance/14-taa-technical-analysis/
สิ่งสำคัญก็คือ เราต้องมีแผนการที่กำหนดไว้ล่วงหน้าครับ
ว่ากรณีที่เราจะเพิ่ม/ลดหุ้น เราจะเพิ่ม/ลดขนาดไหน และเราจะตัดสินใจเพิ่มด้วยวิธีการไหน เมื่อไร
ต้องระวังการตัดสินใจโดยใช้ความรู้สึกล้วนๆ ครับ
อย่าลืมว่า การปรับพอร์ตระยะสั้นนั้น ก็ต้องพยายามไม่ทำให้เสียภาพระยะยาวไปด้วย
คำถามที่ 2
การปรับนั้น เราจะปรับเฉพาะเงินที่ลงทุนเพิ่มรายเดือน หรือจะปรับทั้งหมด (ทั้งเงินใหม่ และเงินเก่าในพอร์ต) ก็ได้ครับ
อยู่ที่ว่าปรับแบบไหน แล้วมันเป็นไปตามแผนที่เราคิดไว้ในข้อ 1
โดยส่วนตัว ผมไม่ชอบปรับแยกครับ ผมชอบปรับทั้งหมดพร้อมๆ กัน เพราะมันคิดและติดตามง่าย
ส่วนบางท่านที่ชอบปรับแยก เช่นจะเพิ่มหุ้น ก็เพิ่มเฉพาะเงินส่วนที่ลงทุนใหม่
วิธีนี้ มันก็จะทำให้สัดส่วนของหุ้นในพอร์ตค่อยๆ เพิ่มขึ้นช้าๆ แทนที่จะเป็นการเพิ่มไปที่ Target ทันที